วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

พระราชวังสนามจันทร์


      เทวาลัยเคณศร์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพรกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างเป็นศาลเทพารักษ์สำหรับพระราชวังสนามจันทร์ เป็นที่ประดิษฐานพระคเณศร์ หรือพระพิฆเณศวรเทพเจ้าผู้มีเศียรเป็นช้าง ซึ่งเป็นเจ้าแห่งศิลปวิทยาการ การประพันธ์ และเป็นผู้ขจัดอุปสรรคทั้งมวล เทวาลัยคเณศร์ตั้งอยู่สนามหญ้าหน้าพระที่นั่ง
      พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดศิลปวิทยาการ และการประพันธ์เป็นพิเศษ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเทวาลัยคเณศร์ไว้ ณ ที่อันเป็นศูนย์กลางของพระราชวังสนามจันทร์ สำหรับบวงสรวง และเพื่อความเป็นศิริมงคลแห่งพระราชวังสนามจันทร์ เมื่อมองมาจาก พระที่นั่งพิมานปฐมจะเห็นพระปฐมเจดีย์ เทวาลัยคเณศร์ และพระที่นั่งพิมานปฐมอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน


      พระที่นั่งพิมานปฐม เป็นพระที่นั่งองค์แรก ภายใน มีห้องบรรทม ห้องสรง ห้องบรรณาคม ห้องภูษา ห้องเสวย และห้องพระเจ้า ซึ่งเป็นหอพระมีพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาอยู่องค์หนึ่งและยังมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังฝีมือพระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) ซึ่งงดงามมาก
      พระที่นั่งองค์นี้ใช้เป็นที่ประทับ ที่ทรงพระอักษร ที่เสด็จออกขุนนาง ที่รับรองพระราชอาคันตุกะ และออกใหเราษฎรเข้าเฝ้า มากกว่าพระที่นั่ง และพระตำหนักองค์อื่นๆ


      พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ เป็นพระที่นั่งที่เชื่อมต่ออยู่กับพระที่นั่งวัชรีรมยา โดยมีโถงใหญ่และหลังคาของพระที่นั่งทั้งสององค์เชื่อมกัน เครื่องประดับตกแต่งหลังคาเหมือนกัน แต่องค์พระที่นั่งสามัคคีมุยมาตย์เป็นพระที่นั่งที่ทรงไทยแบบศาลาโถงองค์ใหญ่ชั้นเดียว หน้าบันอยู่ทางทิศเหนือเป็นรูปจำหลักท้าวอมรินทราธิราชประทานพร แวดล้อมด้วยบริวารประกอบด้วยเทวดาและมนุษย์ห้าหมู่
      พระที่นั่งองค์นี้ทรงใช้เป็นที่ออกงานสโมสรสันนิบาต เสด็จออกขุนนางเพื่อปรึกษาหารือข้อราชการ เป็นที่อบรบกองเสือป่า และใช้เป็นที่แสดงโขนละครต่างๆ 


      พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ เป็นพระตำหนักที่มีลักษณะคล้ายปราสาทขนาดย่อม ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบเรอเนอซองส์ ของฝรั่งเศส กับอาคารแบบฮาล์ฟทิมเบอร์ ของอังกฤษ แต่ดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศของประเทศไทย
      พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ เป็นพระตำหนัก 2 ชั้น ทาสีไข่ไก่ หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีแดง ชั้นบนมีห้องทรงพระอักษร ห้องบรรทม หและห้องสรง ชั้นล่างทางทิศตะวันตกเป็นห้องรอเฝ้าฯ และเคยใช้เป็นสำนักงานชั่วคราวการออกหนังสือพิมพ์ดุสิตสมิตรายสัปดาห์
      พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์แห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้เป็นที่ประทับในฐานะที่ทรงเป็นผู้บัญชาการเสือป่า เมื่อมีการซ้อมรบเสือป่า ณ พระราชวังสนามจันทร์


      อนุสาวรีย์ย่าเหล "ย่าเหล" เป็นสุนัขพันธุ์ทางหางเป็นพวง สีขาวด่างดำ หูตก เกิดในเรือนจำจังหวัดนครปฐม เป็นสุนัขของหลวงชัยอาญา ซึ่งเป็นผู้ควบคุมนักโทษอยู่ในขณะนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ตรวจเรือนจำ ทอดพระเนตรเห็น "ย่าเหล" ก็ตรัสชมว่า น่ารัก หลวงชัยอาญา จึงน้อมเกล้าฯ ถวาย และพระราชทานนามว่า "ย่าเหล"
      ย่าเหล ได้รับการเลี้ยงดูอยู่ในราชสำนัก มีความเฉลียวฉลาด และมีความจงรักภักดี จึงเป็นที่โปรดปรานของพระองค์มาก 
      คืนหนึ่ง ย่าเหล ได้หนีออกมาเที่ยว และได้กัดกับสุนัขอื่นในบริเวณกรมทหาร มหาดเล็กรักษาพระองค์ และพลัดถูกกระสุนของทหารผู้หนึ่งซึ่งยิงออกมา เมื่อได้ยินเสียงสุนัขกัดกัน และไม่ทราบว่ากระสุนได้พลัดไปถูกย่าเหล
      การสูญเสีย "ย่าเหล" ในครั้งนี้ ทำให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เศร้าสลดพระทัยเป็นอย่างยิ่ง จึงโปรดเกล้าให้ สร้างอนุสาวรีย์ "ย่าเหล" ขึ้นด้วยโลหะทองแดง ณ บริเวณหน้าพระที่นั่งชาลีมงคลอาสน์ และทรงพระราชนิพนธ์คำไว้อาลัย ซึ่งออกมาจากความรู้สึกส่วนลึกของพระราชหฤทัยของพระองค์จารึกไว้บนแผ่นทองแดงใต้อนุสาวรีย์แห่งนี้ด้วย


      พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ เป็นพระตำหนัก 2 ชั้น สร้างด้วยไม้สักสีทอง ทาสีแดง มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก ของประเทศทางตะวันตก แต่ได้มีการปรับปรุงองค์ประกอบบางส่วนให้เหมาะกับภูมิอากาศเมืองร้อน พระตำหนักองค์นี้สร้างขึ้นคู่กับพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ โดยมีฉนวนทางเดินทำเป็นสะพานจากชั้นบนด้านหลังของพระตำหนักชาลีฯ ข้ามคูน้ำเชื่อมกับชั้นบนด้านหน้าของพระตำหนักมารี


      พระตำหนักทับขวัญ เป็นตำหนักที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างคู่กับพระตำหนักทับแก้วโดยสร้างเป็นเรือนไทยที่งดงามสมบูรณ์แบบ ลักษณะเป็นเรือนฝากระดานไม้สัก ใช้วิธีเข้าไม้ตามแบบโบราณ แต่เดิมหลังคามุงจากหลบหลังคาด้วยกระเบื้องดินเผา เมื่อมีการบูรณะได้เปลี่ยนเป็นมุงหลังคาด้วยกระเบื้องทั้งหมด นายช่างผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างคือ พระยาวิศุกรรมศิลปะประสิทธิ์ (น้อย ศิลปี)
      พระตำหนักทับขวัญ ประกอบด้วยกลุ่มเรือน 8 หลัง ได้แก่ เรือนใหญ่ 4 หลัง เป็นหอนอน 2 หลัง อยู่ด้านทิศเหนือและทิศใต้ ห้องโถง 1 หลัง อยู่ด้านทิศตะวันตก เรือนครัว 1 หลัง อยู่ด้านทิศตะวันออก เรือนเล็ก 4 หลัง เป็นหอนก 2 หลัง อยู่ระหว่างห้องโถง เรือนคนใช้ 1 หลัง และเรือนเก็บของอีก 1 หลัง ตั้งอยู่ระหว่างเรือนครัว กลุ่มเรือนต่างๆ เหล่านี้มีนอกชานเชื่อมเรือนต่างๆ ให้ติดต่อกันโดยตลอด และมีต้นจันทร์ปลูกอยู่กลางนอกชานตามลักษณะของเรือนไทยด้วย
      ในระหว่างการซ้อมรบเสือป่า พระตำหนักนี้ได้ใช้เป็นที่ตั้งของกองบัญชาการเสือป่า เสนาน้อยราบหนักรักษาพระองค์ ซึ่งมีหม่อมเจ้าชัชชวลิต เกษมสันต์ เป็นหัวหน้ากองบัญชาการนี้  ปัจจุบัน พระตำหนักนี้อยู่ในความดูแลของมหาวิทยาลัยศิลปากร 
      เนื่องจากพระตำหนักทับขวัญเป็นโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรมไทย ซึ่งนับเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญในการศึกษาทางสถาปัตยกรรมวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์
มหาวิทยาลัยศิลปากรจึงได้จัดแสดงพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจในด้านไทยศึกษาเรื่องต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในห้องบรรทม เช่น เรื่องเกี่ยวกับภาษาไทย วรรณคดีไทย โบราณคดี การทำนุบำรุงพุทธศาสนา กิจการเสือป่า และลูกเสือไทย เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้จัดตกแต่งด้วยเครื่องแขวนไทยที่งดงาม ได้แก่ ฉัตร วิมานพระอินทร์ วิมานแท่น ผ้าทิพย์ขอบประตู และเครื่องแขวนสำหรับโคมหวด เพื่อให้เป็นแหล่งสำหรับศึกษาหาความรู้ด้านวิชาการในเรื่องดังกล่าว และได้กำหนดให้พระตำหนักทับขวัญเป็นที่ประทับรับรองพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น