วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555

วิดีโอแนะนำ ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้เล่าขานตำนานพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม


     บทสรุปการดำเนินการจัดตั้งศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้เล่าขานตำนาน
พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม

          การให้บริการของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้เล่าขานตำนานพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม

          รูปแบบของการให้บริการทรัพยากรการเรียนรู้ คือ “แบบบันเทิงศึกษา” (Edutainment) จะเป็นสถานที่ที่ให้บริการความเรียนรู้ที่รวบรวมรวมสื่อ วัสดุ อุปกรณ์และวิธีการที่หลากหลายแบบมาบูรณาการ ซึ่งประกอบด้วย การเรียนรู้ การลงมือปฏิบัติ ความสนุกสนานเพลิดเพลิน ที่พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเองและเป็นแหล่งการเรียนรู้นอกห้องเรียน ในรูปแบบของสื่อปฏิสัมพันธ์ ตัวอย่างเช่น พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ จะมีการแสดงประกอบเพลง ซึ่งจะให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินในการเรียนรู้ ทำให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น

          จากการดำเนินการจัดตั้งศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้เล่าขานตำนานพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ใช้หลักการในการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ คือ

          1. มีเป้าหมายที่ชัดเจน คือ ต้องการให้ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้แห่งนี้เป็นแหล่งข้อมูลที่ให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของไทยในสมัยรัชกาลที่ 6 ตลอดจนเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อเป็นการเผยแพร่ประวัติพระราชวังสนามจันทร์
          2. ทรัพยากรในการบริหารที่มีจำกัด ทำให้สามารถบริหารศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะต้องเลือกใช้ทรัพยากรอย่างมีประโยชน์และคุ้มค่า
          3. การประสานงานระหว่างกัน มีการทำงานโดยการประสานงานกันทุกๆฝ่าย อย่างถูกต้องและเหมาะสม
          4. การแบ่งงานกันทำ มีการแบ่งหน้าที่การทำงานอย่างเหมาะสม เป็นสัดส่วนที่ลงตัว
          5. การวางแผน กำหนดสิ่งที่ต้องการของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้
          6. การจัดองค์กร กำหนดโครงสร้างแผนผังขององค์กรอย่างเป็นทางการ โดยเรียงลำดับจากผู้อำนวยการศูนย์เรื่อยมาตามลำดับ ซึ่งแผนผังการจัดโครงสร้างของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้เล่าขานตำนานพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐมเป็นแบบ แบบ Line and Staff Organization เป็นรูปแบบการจัดโครงสร้างสำหรับหน่วยงานขนาดใหญ่ ซึ่งลำพังผู้บริหารคนเดียวไม่สามารถดำเนินการได้ จึงมีในรูปแบบของคณะกรรมการต่าง ๆ (เลขานุการ) เข้ามาเป็นผู้ช่วยควบคุมการทำงานโดยมีอำนาจทางอ้อมในการดำเนินการนั้น ๆ ตามแผนภูมิโครงสร้างศูนย์การเรียนรู้เล่าขานตำนานพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม


          7. การบริหารงานบุคคล มีการบริหารงานของบุคคลในศูนย์ทรัพยากรอย่างเป็นระบบ
          8. การสั่งการ มีการสั่งการที่ดี เหมาะสมกับทุกฝ่ายจากผู้อำนวยการศูนย์ฯ
          9. การประสานงาน ภายในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้จะมีการประสานงานระหว่างฝ่าย เพื่อให้การบริหารงานเป็นไปอย่างมีระบบระเบียบ
          10. การรายงานต่อฝ่ายบริหาร จะมีการรายการผลการดำเนินงานของทุกฝ่ายต่อฝ่ายบริหารทุกครั้ง เพื่อจะนำมาประมวลผลถึงข้อผิดพลาดต่างๆ ที่จะนำไปสู่การแก้ไขต่อไป
          11. การวางแผนการเงิน บัญชีและการควบคุม มีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายของศูนย์ และมีการวางแผนควบคุมอย่างถูกต้อง โปร่งใส
          12. มีหลักการในการจัดการทรัพยากรอย่าครบถ้วน ทั้งการจัดการทรัพยากรบุคคล งบประมาณค่าใช้จ่ายต่างๆ วัสดุ สื่อการเรียนรู้ การจัดกิจกรรม การประชาสัมพันธ์ อุปกรณ์ในการจัดการ ฯลฯ

          นิสิตได้อะไรจากการทำโครงการนี้

          ทราบถึงหลักการของการจัดตั้งศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ การวิเคราะห์งานเลือกแหล่งที่มาของตัวอย่างศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ การบริหารงานต่างๆ รวมถึงการเขียนแผนผังการบริหารด้วย หลักการจัดการตามหลักการบริหารแบบ POSDCORB ประเภทของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ ทั้งการศึกษาในระบบโรงเรียน การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ได้ศึกษาถึงภารกิจหลักหรือกิจกรรมที่สำคัญของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ ทั้งการเลือก การจัดหา การผลิตสื่อต่างๆ การจัดกิจกรรมหรือนิทรรศการต่างๆภายในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้    การแบ่งหน้าที่ของแต่ละคนในกลุ่ม ในด้านการบริหาร การบริการ การผลิตสื่อ ด้านวิชาการ ด้านการปรับปรุงสื่อการสอน และด้านกิจกรรมอื่นๆ ทราบหลักขั้นตอนในการจัดหาสื่อการเรียนการสอน เพื่อนำมาใช้ในการบริหารของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ ได้ลงไปปฏิบัติงาน เก็บข้อมูล ศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพระราชวังสนามจันทร์ ได้สัมผัสความสวยงาม ร่มรื่นในสถานที่จริง การจัดลำดับความสำคัญของการนำเสนอข้อมูล การสร้างสัญลักษณ์ของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ขึ้นมาเอง และให้ความหมายของสัญลักษณ์นั้น การสร้าง QR Code การนำความรู้ทั้งหมดมาเป็นข้อมูลในการสร้างศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ขึ้นมา นอกจากนี้ยังได้รับประสบการณ์ในการทำงานกลุ่มอีกมากมาย

          ข้อเสนอแนะ

          1.การเดินทางไปยังสถานที่เก็บข้อมูลเป็นไปด้วยความไม่สะดวก เนื่องจากระยะทางที่ไกลจึงเป็นปัจจัยหนึ่งของการเดินทางดังกล่าว
          2.การถ่ายทำทางพระราชวังสนามจันทร์ไม่อนุญาตให้ใช้ขาตั้งกล้อง ภาพที่ออกมาจึงมีการสั่นไหว เพราะถ้าต้องการขออนุญาตถ่ายทำแบบขาตั้งกล้องจะต้องส่งเรื่องไปยังสำนักพระราชวังเป็นเวลาดำเนินการส่งเรื่องประมาณ 2 สัปดาห์ จึงอาจจะก่อให้เกิดความล่าช้าของการทำงานได้
          3.ข้อมูลในบทเอกสารที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ เป็นข้อมูลที่ค้นหาได้ยาก เพราะเนื่องจากเป็นข้อมูลที่ไม่เปิดเผยในสาธารณะ จึงจำเป็นต้องติดต่อไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม โดยตรงเพื่อที่จะได้ข้อมูลนี้มา
          4.ควรมีการนำคำแนะนำนี้ไปจัดตั้งศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ที่สมบูรณ์แบบต่อไป

Scan QR Code

สามารถ Scan QR Code เพื่อเข้าสู่ Blogger ของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้เล่าขานตำนานพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ได้ค่ะ

วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2555

เกี่ยวกับเรา

ประวัติพระราชวังสนามจันทร์




      พระราชวังสนามจันทร์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครปฐม ห่างจากกรุงเทพฯ ลงไปทางใต้ 56 กิโลเมตร บริเวณที่เป็นพระราชวังสนามจันทร์ อยู่ห่างจากองค์พระปฐมเจดีย์ไปทางตะวันตก ประมาณ 1 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณซึ่งเดิมเรียกว่าเนินปราสาท สันนิษฐานว่าเดิมคงเคยเป็นพระราชวังของกษัตริย์สมัยโบราณ ใกล้กับเนินปราสาทมีสระน้ำใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเรียกขานกันมาแต่เดิมว่า "สระน้ำจันทร์"
      ครั้นต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ครั้นยังดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ มีพระราชประสงค์ที่จะสร้างพระราชวังที่ประทับขึ้น ณ เมืองนครปฐม สำหรับเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานในโอกาสต่างๆ และทรงเห็นว่าบริเวณเนินปราสาทนั้นเป็นทำเลที่เหมาะ จึงขอซื้อที่ดินจากราษฎร เพื่อจัดสร้างพระราชวังขึ้น รวมทั้งสิ้น 888 ไร่ 3 งาน 24 วา ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 4 ปี จึงแล้วเสร็จในปีพุทธศัดราช 2454 และพระราชทานนามว่า "พระราชวังสนามจันทร์"
      พระราชวังสนามจันทร์ นอกจากเป็นที่แปรพระราชฐานแล้ว ยังมีพระราชดำริในการสร้างพระราชวังสนามจันทร์ไว้เป็นที่มั่นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรับวิกฤตการณ์ของประเทศอันเกิดขึ้นได้ เพราะพระราชวังสนามจันทร์ตั้งอยู่ในชัยภูมิที่้หมาะสมและทรงใช้เป็นสถานที่สำหรับซ้อมรบเสือป่า
หลักการและเหตุผล
      การเรียนรู้นับว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกช่วงชีวิตของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็กเล็ก วัยรุ่น วัยทำงาน หรือวัยสูงอายุ ในสภาพสังคมสิ่งแวดล้อมที่แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็วและมีความซับซ้อนมากดังเช่นปัจจุบันความจำเป็นของการศึกษาหรือการเรียนรู้ยิ่งเด่นชัดมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากประเทศต่างๆ ในโลกต่างรณรงค์ให้ประชาชนได้รับการศึกษาหรือการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต การศึกษาหรือการเรียนรู้มิได้เกิดขึ้นเฉพาะในโรงเรียนหรือในสถาบันการศึกษาเท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้จากการดำเนินชีวิต การทำงาน การประชุม การฝึกอบรม จากสื่อต่างๆ สิ่งแวดล้อมรวมทั้งจากแหล่งการเรียนรู้ประเภทต่างๆ เป็นต้น
      จากสภาพปัจจุบันของศูนย์การเรียนรู้ประเภทต่างๆ ได้เข้ามามีบทบาทในด้านการศึกษาไทยมากขึ้น อาทิเช่น ศูนย์การเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และศิลปาชีพภาคกลาง ได้จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวสำหรับเยาวชน เกษตรกร และประชาชนทั่วไปเข้าถึงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยสามารถนำความรู้ที่รับไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ แต่จากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นศูนย์การเรียนรู้ไม่ได้ถูกส่งเสริมจากรัฐบาลและภาคเอกชน จึงทำให้มีศูนย์การเรียนรู้ที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของเยาวชน ตลอดจนขาดเงินสนับสนุนจากส่วนต่างๆ จากที่กล่าวมาข้างต้น นิสิตสาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษาจึงมีความสนใจที่จะจัดตั้ง “ศูนย์การเรียนรู้เล่าขนานตำนานพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม” ขึ้นเพื่อที่จะตอบโจทย์ทางด้านการศึกษาในเรื่องการเรียนรู้ ซึ่งได้สอดคล้องกับเป้าหมายของกระทรวงศึกษาธิการที่ว่า “การเรียนรู้ไม่ได้เกิดแค่ในเฉพาะห้องเรียน แต่การเรียนรู้สามารถเกิดได้จากสิ่งรอบๆ ตัว และไม่มีวันสิ้นสุด”
      กระทรวงศึกษาธิการจึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาสังคมไทยในเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิตจึงจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ขึ้นในบริเวณชุมชน เพื่อให้เกิดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย อันเป็นแหล่งการเรียนของเด็ก เยาวชนและประชาชนทั่วไป ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยที่ว่า “การศึกษาหรือการเรียนรู้จะหยุดอยู่เพียงการศึกษาภาคบังคับในรั้วโรงเรียนเท่านั้นไม่ได้ ทุกคนจะต้องศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่องไปตลอดชีวิต และนำความรู้นั้นไปพัฒนาชุมชน สังคม และประเทศชาติต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
วัตถุประสงค์
      1.เพื่อจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ตำนานเล่าขนานตำนานพระราชวังสนามจันทร์ เป็นแหล่งความรู้
ต่างๆ ให้กับประชาชนทุกกลุ่มวัย
      2.เพื่อสร้างและขยายโอกาสทางด้านการศึกษาให้กับเยาวชน และประชาชนที่สนใจในเรื่องของ
ตำนานพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม
      3.เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะและพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น ในด้านองค์ความรู้ประจำท้องถิ่นให้มี
ประสิทธิภาพ
      4.เพื่อพัฒนา รวบรวม จัดเก็บและเผยแพร่องค์ความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โครงสร้างองค์การ


บุคลากรศูนย์การเรียนรู้เล่าขานตำนานพระราชวังสนามจันทร์

        ผู้อำนวยการศูนย์ฯ
นายวัฒนนันต์  วัดแช่ม

      - มีหน้าที่จัดการบริหารงานภายในศูนย์การเรียนรู้เล่าขนานตำนานพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ซึ่งมีเลขานุการเป็นผู้ช่วยในการจัดทำเอกสาร ตลอดจนประสานงานภายในให้กับผู้อำนวยการ
      
      รองผู้อำนวยการศูนย์ฯ
นางสาวกรองกาญจน์  สุภาจีน

      - มีหน้าที่บริหารงาน โดยเป็นผู้ช่วยเหลือผู้อำนวยการศูนย์ ตลอดจนคอยดูแลและประสานงานเมื่อผู้อำนวยการศูนย์ไม่สะดวก ซึ่งมีเลขานุการเป็นผู้ช่วยในการจัดทำเอกสาร ตลอดจนประสานงานภายในให้กับรองผู้อำนวยการ
      
      เลขานุการ
นายอลงกรณ์  วรเวชธนกุล

      - มีหน้าที่คอยช่วยเหลืองานจากผู้อำนวยการศูนย์ และรองผู้อำนวยการศูนย์ ตลอดจนคอยประสานงานภายในองค์การให้มีประสิทธิภาพ โดยมีหน้าที่หลัก คือ 
      1.1 งานสารบรรณ 
            1.1.1 ให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ขอใช้บริการ 
            1.1.2 ติดต่อประสานงานภายในและภายนอกองค์กร 
            1.1.3 รับ-ส่งเอกสาร
      1.2 งานบัญชีและพัสดุ 
            1.2.1 เบิก-จ่ายวัสดุสำนักงาน 
            1.2.2 จัดทำสรุปการเบิก-จ่ายวัสดุสำนักงาน 
            1.2.3 จัดทำทะเบียนครุภัณฑ์
      1.3 งานประชาสัมพันธ์
            1.3.1 ให้บริการด้านข้อมูลเกี่ยวกับพระราชวังสนามจันทร์
            1.3.2 ประสานงานนักท่องเที่ยว หรือหน่วยงานต่างๆ


      ฝ่ายเอกสาร
นางสาววรางคณา  ศรีนาค
นางสาววิภานันท์  สิงห์นันท์

      - มีหน้าที่ดูแลและรับผิดชอบเกี่ยวกับการกำหนดรูปแบบอักษรและพิมพ์ขนาดตัวอักษรด้วย เครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อเป็นต้นฉบับ จัดเก็บแฟ้มข้อมูลที่จัดพิมพ์ พร้อมสำเนาไฟล์เพื่อให้บริการ แผ่นพับ แบบขอใช้บริการของหน่วยงานโดยมีหน้าที่หลัก ดังนี้
      - รับ – ส่งเอกสารภายในหน่วยงาน และนอกหน่วยงาน
      - ประสานงานทั้งภายในและภายนอกศูนย์การเรียนรู้เล่าขานตำนานพระราชวังสนามจันทร์
      - ดูแลรับผิดชอบเอกสารประกอบการใช้บริการ หนังสือ ตำรา แผ่นพับ และสิ่งพิมพ์ต่างๆ


      ฝ่ายวิเคราะห์และพัฒนาทรัพยากร
นางสาววิลาสินี  อินทจันทร์
      - มีหน้าที่รับผิดชอบวิเคราะห์และจัดหาสื่อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับศูนย์การเรียนรู้ โดยส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปใช้สื่อที่จัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีหน้าที่หลัก ดังนี้
      - รับผิดชอบการจัดหาสารสนเทศชนิดต่างๆ ทั้งในรูปสิ่งพิมพ์ สื่อทางด้านโสตทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ จากการจัดซื้อ
      - รับผิดชอบร่วมกับบุคลากรภายในมหาวิทยาลัยศิลปากร ในการจัดหาทรัพยากรสารสนเทศต่างๆ
      - รับผิดชอบในด้านการดูแลรักษาโสตทัศนูปกรณ์และสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ไม่ให้เกิดความเสียหายและรักษาไว้ให้ได้สภาพที่คงทน


      ฝ่ายโสตทัศนูปกรณ์
นางสาวสุภัทรา  สุขผดุง

      มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบงานเกี่ยวกับการให้บริการติดตั้งโสตทัศนูปกรณ์และงานด้านกราฟิก ได้แก่ การให้บริการถ่ายภาพนิ่ง สไลด์ วิดีโอ ให้บริการล้างอัดขยายภาพ การบริการผลิตสำเนาสื่อพร้อมทั้งดำเนินการบำรุงรักษาต้นฉบับสื่อ ลำดับภาพวีดิทัศน์และบันทึกเสียง ดูแลบำรุงรักษาและตรวจซ่อมโสตทัศนูปกรณ์ในเบื้องต้นก่อนนำส่งซ่อมภายนอก การออกแบบ ปกหนังสือคู่มือ แผ่นพับ สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ การทำป้ายไวนิล โปสเตอร์และตัดสติ๊กเกอร์ วาดภาพลายเส้น ภาพการ์ตูน ภาพเหมือน ภาพประกอบเรื่อง เป็นต้น โดยมีหน่วยงานภายในที่รับผิดชอบ ดังนี้
      1. ให้บริการติดตั้งเครื่องโสตทัศนูปกรณ์
      1.1 เครื่องฉายสไลด์เกี่ยวกับประวัติของศูนย์การเรียนรู้เล่าขานตำนานพระราชวังสนามจันทร์
      1.2 เครื่องฉายระบบวิดีโอ
      1.3 เครื่องขยายเสียงพร้อมลำโพง
      1.4 Computer Guide
      1.5 โทรทัศน์ เครื่องเล่นวิทยุ
      1.6 จอรับภาพ
      2. ให้บริการด้านกราฟฟิก
      2.1 ออกแบบจัดทา Artwork
      2.2 โปสเตอร์ป้ายไวนิล
      2.3 ภาพประกอบในแต่ละห้อง จัดแสดงเพื่อใช้ในการเล่าเรื่อง
      2.4 ป้ายตัวอักษร
      2.5 คู่มือ หนังสือ แผ่นพับ

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

พระราชวังสนามจันทร์


      เทวาลัยเคณศร์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพรกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างเป็นศาลเทพารักษ์สำหรับพระราชวังสนามจันทร์ เป็นที่ประดิษฐานพระคเณศร์ หรือพระพิฆเณศวรเทพเจ้าผู้มีเศียรเป็นช้าง ซึ่งเป็นเจ้าแห่งศิลปวิทยาการ การประพันธ์ และเป็นผู้ขจัดอุปสรรคทั้งมวล เทวาลัยคเณศร์ตั้งอยู่สนามหญ้าหน้าพระที่นั่ง
      พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดศิลปวิทยาการ และการประพันธ์เป็นพิเศษ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเทวาลัยคเณศร์ไว้ ณ ที่อันเป็นศูนย์กลางของพระราชวังสนามจันทร์ สำหรับบวงสรวง และเพื่อความเป็นศิริมงคลแห่งพระราชวังสนามจันทร์ เมื่อมองมาจาก พระที่นั่งพิมานปฐมจะเห็นพระปฐมเจดีย์ เทวาลัยคเณศร์ และพระที่นั่งพิมานปฐมอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน


      พระที่นั่งพิมานปฐม เป็นพระที่นั่งองค์แรก ภายใน มีห้องบรรทม ห้องสรง ห้องบรรณาคม ห้องภูษา ห้องเสวย และห้องพระเจ้า ซึ่งเป็นหอพระมีพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาอยู่องค์หนึ่งและยังมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังฝีมือพระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) ซึ่งงดงามมาก
      พระที่นั่งองค์นี้ใช้เป็นที่ประทับ ที่ทรงพระอักษร ที่เสด็จออกขุนนาง ที่รับรองพระราชอาคันตุกะ และออกใหเราษฎรเข้าเฝ้า มากกว่าพระที่นั่ง และพระตำหนักองค์อื่นๆ


      พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ เป็นพระที่นั่งที่เชื่อมต่ออยู่กับพระที่นั่งวัชรีรมยา โดยมีโถงใหญ่และหลังคาของพระที่นั่งทั้งสององค์เชื่อมกัน เครื่องประดับตกแต่งหลังคาเหมือนกัน แต่องค์พระที่นั่งสามัคคีมุยมาตย์เป็นพระที่นั่งที่ทรงไทยแบบศาลาโถงองค์ใหญ่ชั้นเดียว หน้าบันอยู่ทางทิศเหนือเป็นรูปจำหลักท้าวอมรินทราธิราชประทานพร แวดล้อมด้วยบริวารประกอบด้วยเทวดาและมนุษย์ห้าหมู่
      พระที่นั่งองค์นี้ทรงใช้เป็นที่ออกงานสโมสรสันนิบาต เสด็จออกขุนนางเพื่อปรึกษาหารือข้อราชการ เป็นที่อบรบกองเสือป่า และใช้เป็นที่แสดงโขนละครต่างๆ 


      พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ เป็นพระตำหนักที่มีลักษณะคล้ายปราสาทขนาดย่อม ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบเรอเนอซองส์ ของฝรั่งเศส กับอาคารแบบฮาล์ฟทิมเบอร์ ของอังกฤษ แต่ดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศของประเทศไทย
      พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ เป็นพระตำหนัก 2 ชั้น ทาสีไข่ไก่ หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีแดง ชั้นบนมีห้องทรงพระอักษร ห้องบรรทม หและห้องสรง ชั้นล่างทางทิศตะวันตกเป็นห้องรอเฝ้าฯ และเคยใช้เป็นสำนักงานชั่วคราวการออกหนังสือพิมพ์ดุสิตสมิตรายสัปดาห์
      พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์แห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้เป็นที่ประทับในฐานะที่ทรงเป็นผู้บัญชาการเสือป่า เมื่อมีการซ้อมรบเสือป่า ณ พระราชวังสนามจันทร์


      อนุสาวรีย์ย่าเหล "ย่าเหล" เป็นสุนัขพันธุ์ทางหางเป็นพวง สีขาวด่างดำ หูตก เกิดในเรือนจำจังหวัดนครปฐม เป็นสุนัขของหลวงชัยอาญา ซึ่งเป็นผู้ควบคุมนักโทษอยู่ในขณะนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ตรวจเรือนจำ ทอดพระเนตรเห็น "ย่าเหล" ก็ตรัสชมว่า น่ารัก หลวงชัยอาญา จึงน้อมเกล้าฯ ถวาย และพระราชทานนามว่า "ย่าเหล"
      ย่าเหล ได้รับการเลี้ยงดูอยู่ในราชสำนัก มีความเฉลียวฉลาด และมีความจงรักภักดี จึงเป็นที่โปรดปรานของพระองค์มาก 
      คืนหนึ่ง ย่าเหล ได้หนีออกมาเที่ยว และได้กัดกับสุนัขอื่นในบริเวณกรมทหาร มหาดเล็กรักษาพระองค์ และพลัดถูกกระสุนของทหารผู้หนึ่งซึ่งยิงออกมา เมื่อได้ยินเสียงสุนัขกัดกัน และไม่ทราบว่ากระสุนได้พลัดไปถูกย่าเหล
      การสูญเสีย "ย่าเหล" ในครั้งนี้ ทำให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เศร้าสลดพระทัยเป็นอย่างยิ่ง จึงโปรดเกล้าให้ สร้างอนุสาวรีย์ "ย่าเหล" ขึ้นด้วยโลหะทองแดง ณ บริเวณหน้าพระที่นั่งชาลีมงคลอาสน์ และทรงพระราชนิพนธ์คำไว้อาลัย ซึ่งออกมาจากความรู้สึกส่วนลึกของพระราชหฤทัยของพระองค์จารึกไว้บนแผ่นทองแดงใต้อนุสาวรีย์แห่งนี้ด้วย


      พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ เป็นพระตำหนัก 2 ชั้น สร้างด้วยไม้สักสีทอง ทาสีแดง มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก ของประเทศทางตะวันตก แต่ได้มีการปรับปรุงองค์ประกอบบางส่วนให้เหมาะกับภูมิอากาศเมืองร้อน พระตำหนักองค์นี้สร้างขึ้นคู่กับพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ โดยมีฉนวนทางเดินทำเป็นสะพานจากชั้นบนด้านหลังของพระตำหนักชาลีฯ ข้ามคูน้ำเชื่อมกับชั้นบนด้านหน้าของพระตำหนักมารี


      พระตำหนักทับขวัญ เป็นตำหนักที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างคู่กับพระตำหนักทับแก้วโดยสร้างเป็นเรือนไทยที่งดงามสมบูรณ์แบบ ลักษณะเป็นเรือนฝากระดานไม้สัก ใช้วิธีเข้าไม้ตามแบบโบราณ แต่เดิมหลังคามุงจากหลบหลังคาด้วยกระเบื้องดินเผา เมื่อมีการบูรณะได้เปลี่ยนเป็นมุงหลังคาด้วยกระเบื้องทั้งหมด นายช่างผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างคือ พระยาวิศุกรรมศิลปะประสิทธิ์ (น้อย ศิลปี)
      พระตำหนักทับขวัญ ประกอบด้วยกลุ่มเรือน 8 หลัง ได้แก่ เรือนใหญ่ 4 หลัง เป็นหอนอน 2 หลัง อยู่ด้านทิศเหนือและทิศใต้ ห้องโถง 1 หลัง อยู่ด้านทิศตะวันตก เรือนครัว 1 หลัง อยู่ด้านทิศตะวันออก เรือนเล็ก 4 หลัง เป็นหอนก 2 หลัง อยู่ระหว่างห้องโถง เรือนคนใช้ 1 หลัง และเรือนเก็บของอีก 1 หลัง ตั้งอยู่ระหว่างเรือนครัว กลุ่มเรือนต่างๆ เหล่านี้มีนอกชานเชื่อมเรือนต่างๆ ให้ติดต่อกันโดยตลอด และมีต้นจันทร์ปลูกอยู่กลางนอกชานตามลักษณะของเรือนไทยด้วย
      ในระหว่างการซ้อมรบเสือป่า พระตำหนักนี้ได้ใช้เป็นที่ตั้งของกองบัญชาการเสือป่า เสนาน้อยราบหนักรักษาพระองค์ ซึ่งมีหม่อมเจ้าชัชชวลิต เกษมสันต์ เป็นหัวหน้ากองบัญชาการนี้  ปัจจุบัน พระตำหนักนี้อยู่ในความดูแลของมหาวิทยาลัยศิลปากร 
      เนื่องจากพระตำหนักทับขวัญเป็นโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรมไทย ซึ่งนับเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญในการศึกษาทางสถาปัตยกรรมวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์
มหาวิทยาลัยศิลปากรจึงได้จัดแสดงพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจในด้านไทยศึกษาเรื่องต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในห้องบรรทม เช่น เรื่องเกี่ยวกับภาษาไทย วรรณคดีไทย โบราณคดี การทำนุบำรุงพุทธศาสนา กิจการเสือป่า และลูกเสือไทย เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้จัดตกแต่งด้วยเครื่องแขวนไทยที่งดงาม ได้แก่ ฉัตร วิมานพระอินทร์ วิมานแท่น ผ้าทิพย์ขอบประตู และเครื่องแขวนสำหรับโคมหวด เพื่อให้เป็นแหล่งสำหรับศึกษาหาความรู้ด้านวิชาการในเรื่องดังกล่าว และได้กำหนดให้พระตำหนักทับขวัญเป็นที่ประทับรับรองพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงอีกด้วย